เราไปดูกันว่ามีหลักการพิจารณาเลือกใช้คีย์เวิร์ดกันอย่างไร
คีย์เวิร์ดแต่ละชนิดนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แต่ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่คุณจะเลือกใช้ชนิดของคีย์เวิร์ดได้ถูกต้องตามเป้าหมายที่ต้องการหรือก็ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากนัก
ดังนั้นในบทความนี้ ผมจะบอกกับคุณถึงวิธีการเลือกใช้ชนิดคีย์เวิร์ดให้ถูกต้องสำหรับธุรกิจของคุณ
ก่อนอื่นคุณจะต้องเรียนรู้กับคีย์เวิร์ดทั้ง 7 ชนิดที่คุณสามารถเลือกใช้ได้
ในบทความที่ผ่านมาเกี่ยวกับ (คีย์เวิร์ดคืออะไร?)คุณได้เรียนรู้ว่าคีย์เวิร์ดนั้นเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่าง Search Engine กับเว็บไซต์
โดยส่วนมากการทำ SEO ของใครหลายๆ คนมักเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่ตรงกับธุรกิจของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาชอบหลงประเด็นไปกับจำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดคำนั้นๆ
คีย์เวิร์ด 7 ชนิดที่คุณสามารถที่จะใช้เป็นกลยุทธ์ในการช่วยเพิ่มทราฟฟิกให้กับเว็บไซต์ของคุณ
คีย์เวิร์ดแต่ละชนิดนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แต่ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่คุณจะเลือกใช้ชนิดของคีย์เวิร์ดได้ถูกต้องตามเป้าหมายที่ต้องการหรือก็ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากนัก
ดังนั้นในบทความนี้ ผมจะบอกกับคุณถึงวิธีการเลือกใช้ชนิดคีย์เวิร์ดให้ถูกต้องสำหรับธุรกิจของคุณ
ก่อนอื่นคุณจะต้องเรียนรู้กับคีย์เวิร์ดทั้ง 7 ชนิดที่คุณสามารถเลือกใช้ได้
สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้กัน (แสดง/ซ่อน)
- คีย์เวิร์ด 7 ชนิดที่คุณสามารถเลือกใช้ได้
- คีย์เวิร์ดชนิดไหนที่คุณควรจะเลือกใช้?
- คุณควรที่จะมีเป้าหมายที่ทราฟฟิกหรือจุดประสงค์?
- สรุปบทความ
คีย์เวิร์ด 7 ชนิดที่คุณสามารถเลือกใช้ได้
ในบทความที่ผ่านมาเกี่ยวกับ (คีย์เวิร์ดคืออะไร?)คุณได้เรียนรู้ว่าคีย์เวิร์ดนั้นเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่าง Search Engine กับเว็บไซต์
ให้คุณใช้ความรู้ในบทความนี้ในการเลือกใช้คีย์เวิร์ดของคุณ!
โดยส่วนมากการทำ SEO ของใครหลายๆ คนมักเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่ตรงกับธุรกิจของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาชอบหลงประเด็นไปกับจำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดคำนั้นๆ
โดยมักจะเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาจำนวนมากๆ เป็นส่วนใหญ่ นั่นก็หมายความว่าคุณจะต้องแข่งกับคู่แข่งขันอื่นๆ จำนวนมากอีกด้วย
ดังนั้นในที่นี่ไม่ใช่การเลือกค้นหาคีย์เวิร์ดเป็นที่นิยมหรือคีย์เวิร์ดที่ถูกค้นหามากที่สุดตามเทรนด์ต่างๆ ที่มี แต่มันเป็นหลักการเลือกใช้คีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO โดยตรงเท่านั้น
มันจะเป็นการดีถ้าคุณมีการวางแผนที่มากพอและเลือกใช้คีย์เวิร์ดอย่างชาญฉลาด โดยเข้าใจความแตกต่างชนิดของคีย์เวิร์ดและคุณสามารถกำหนดเป้าหมายได้เมื่อคุณเลือกใช้พวกมัน



มันจะเป็นการดีถ้าคุณมีการวางแผนที่มากพอและเลือกใช้คีย์เวิร์ดอย่างชาญฉลาด โดยเข้าใจความแตกต่างชนิดของคีย์เวิร์ดและคุณสามารถกำหนดเป้าหมายได้เมื่อคุณเลือกใช้พวกมัน

ไปดูแต่ละชนิดของคีย์เวิร์ดกันว่ามีอะไรบ้าง
#1 - คีย์เวิร์ดแบบทั่วไป (Generic Keyword)
Generic Keyword เป็นการค้นหาแบบแยกเป็นหัวข้อ และไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกันเลย
พวกเขากำลังมองหาผลการค้นหาทั่วๆไป
ยกตัวอย่างคีย์เวิร์ดแบบทั่วไป ดังนี้:
เครื่องดูดฝุ่น
เครื่องปรับอากาศ
หนังสือ
รองเท้า
คีย์เวิร์ดเหล่านี้คุณสามารถสังเกตได้จากมักเป็นคีย์เวิร์ด "คำสั้นๆ"
เพราะว่าจะประกอบไปด้วยคำเพียง 2 คำ (หรือบางครั้งอาจจะ 3 คำ) และไม่มีคำ "ส่วนต้น" หรือ "ส่วนท้าย" ในเงื่อนไขของการค้นหา
ส่วนต้นควรเป็นเช่นคำว่า ซื้อ ก่อนที่จะเป็นคีย์เวิร์ดคำว่า "ซื้อเครื่องปรับอากาศ "ส่วนท้ายควรเป็นคำหลังจากคีย์เวิรด์เช่นคำว่า "เครื่องปรับอากาศลดราคา"
ในการทำ SEO เราพยายามไม่เลือกใช้คีย์เวิร์ดแบบทั่วไป ทำไมหรือ?
มีเหตุผล 3 อย่างด้วยกัน:
หลายบริษัทหรือผู้ผลิตสินค้าจะแข่งขันในคึย์เวิร์ดนี้อยู่แล้ว
เราไม่รู้ความต้องการของผู้ที่ค้นหา ( พวกเขาต้องการซื้ออะไร? รู้ว่าเป็นใคร?)
การเปลี่ยนเป็นอัตราการซื้อ (Conversion) ที่จะได้จากคีย์เวิร์ดเหล่านี้ต่ำมากในการที่ใช้จัดอันดับเว็บไซต์
ให้ลองนึกดูว่ามีบริษัทเกิดใหม่แข่งขันกับบริษัท Elextrolux , SaijoDenki, ด้วยคีย์เวิร์ดคำว่า "เครื่องปรับอากาศ" - โอกาสที่จะเกิดอัตราการซื้อ Conversion จะต่ำมาก
ดังนั้นจึงไม่ควรใช้คีย์เวิร์ดในลักษณะนี้
#2 - คีย์เวิร์ดชื่อยี่ห้อ ( Brand Keyword)
คีย์เวิร์ดชื่อยี่ห้อเป็นคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับแบรนด์โดยเฉพาะหรือสินค้าที่ผู้ค้นหากำลังมองหาอยู่
ยกตัวอย่างแบรนด์คีย์เวิร์ด ดังนี้:
กล้องถ่ายภาพ Canon
ทีวี Samsung
รองเท้า Nike
รถยนต์ Toyota
นี่เป็นขั้นตอนในเงื่อนไขการค้นหาคีย์เวิร์ดโดยทั่วไปแต่ความต้องการก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก
พวกเขาอาจจะมองหาราคาหรือรุ่นของสินค้าปัจจุบันหรือการบริการด้านเทคนิค
คีย์เวิร์ดเหล่านี้ยังสั้นไปสำหรับเราที่จะกำหนดเป้าหมายได้และชี้ความต้องการได้ไม่ชัดเจนมากนัก
เว้นเสียแต่ คุณกำลังทำการสร้างแบรนด์อยู่ และคุณกำลังทำการแข่งขันกับพวกเขาโดยตรง
ผู้ใช้ (โดยส่วนมาก) จะมองหาเว็บไซต์ที่เป็นเจ้าของแบรนด์นั้นๆ
#3 - คีย์เวิร์ดแบบกว้างๆ (Broad Keyword)
คีย์เวิร์ดที่เป็นแบบกว้างๆ จะมีทราฟฟิกมากแต่การแข่งขันจะน้อย
ผู้ค้นหาได้จำกัดการค้นหาให้แคบลง ว่าพวกเขาต้องการที่จะค้นหาอะไร
ให้ลองนึกว่าคุณอยู่บนถนนหลวงและคุณได้ตัดสินใจว่าคุณจะต้องการซื้อรองเท้าแบบใดแบบหนึ่ง, เป็นรองเท้าวิ่ง
คุณมีความคิดผุดขึ้นมาคุณต้องการอะไร แต่มันไม่ใช่ที่คุณต้องการจริงๆ หรือที่ไหนที่คุณจะซื้อมันได้จริงๆ ณ ตอนนั้น
เหมือนกันกับคีย์เวิร์ดเหล่านี้
ยกตัวอย่างคีย์เวิร์ดแบบกว้างๆ ที่ควรจะเป็น :
รองเท้าวิ่ง
รองเท้าบาสเกตบอล
รองเท้าส้นสูง
หนังสือนวนิยาย
หนังสือการเอาตัวรอด
หนังสือการท่องเที่ยว
ตามที่คุณเห็นผู้ค้นหาคีย์เวิร์ดได้ระบุการค้นหาจำนวนมาก
แต่มันยังจะต้องทำการสื่อความหมายเพิ่มอีก
#4 - คีย์เวิร์ดแบบตรงตัว (Exact Keyword)
คีย์เวิร์ดแบบตรงตัว (Exact Keyword) มีความหมายตรงกันข้ามกับคีย์เวิร์ดแบบทั่วไป (generic Keyword)
ผู้ค้นหาต้องการความถูกต้องแท้จริงของสินค้า, บริการหรือบทความ หลังจากที่พวกเขาได้ทำการค้นหา
ยกตัวอย่างคีย์เวิร์ดแบบตรงตัว ดังนี้:
รองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด
รีวิวรองเท้าสตั๊ค
โทรศัพท์ยี่ห้อ รุ่น Apple X
นี่เป็นคีย์เวิร์ดที่ดีที่กำหนดเป้าหมายทั้งข้อมูลหรือบทความด้านธุรกิจ
ชนิดของเงื่อนไขเหล่านี้มีการค้นหาที่สูงและส่งผลการเปลี่ยนแปลงทราฟฟิกให้คุณได้เร็ว
แต่ก็มีการแข่งขันที่สูงอยู่ด้วยเหมือนกัน ผมชอบจะเลือกใช้คีย์เวิร์ดแบบนี้
#5 - คีย์เวิร์ดแบบคำยาวๆ (Long Tail Keyword)
คีย์เวิร์ดที่เป็นคำยาวๆ มีอยู่ประมาณ 70% ของการค้นหาใน Search Engine
และคีย์เวิร์ดที่ยาวมีแนวโน้มที่จะมีลักษณะดังนี้
- มีการค้นหาน้อย
- คู่แข่งน้อย
- มีอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่สูง (High Conversion)
ในตอนนี้ผมก็รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ - มีการค้นหาน้อยเป็นสิ่งที่ดีใช่ไหม?
ใช่แล้ว! เพราะว่าทราฟฟิกระดับต่ำเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการในอัตราที่สูงและมีความสำคัญอีกอย่างคือทำเว็บไซต์ให้ง่ายในการจัดอันดับ
ผมยกตัวอย่างคีย์เวิร์ดที่เป็นคำยาวๆ ดังนี้ :
รองเท้าแบบไหนเป็นรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับใส่วิ่งมาราธอน
รองเท้าบาสเก็ตบอลแบบไหนที่ช่วยให้คุณกระโดดได้สูง
วิธีการทำเงินด้วยการเป็นนักเขียนในโปรแกรม Fiverr
คอนเสิร์ตของตูน บอดี้สแลม ที่อรีนา
คีย์เวิร์ดชนิดนี้ตอบตรงจุดที่สำคัญระหว่างการแข่งขัน, ทราฟฟิกและอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสูง
เมื่อมีใครบางคนค้นหาคีย์เวิร์ดเหล่านั้นบนเว็บไซต์ของคุณ หลังจากทำการค้นหาคีย์เวิร์ดที่ยาวๆ
เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ
และคุณไม่อยากมีร้านค้าที่เต็มไปด้วยลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าอยู่ที่นั้นหรือ?
# 6. คีย์เวิร์ดของผู้ซื้อ (Buyer Keyword)
คีย์เวิร์ดผู้ซื้อจริงๆ แล้วเป็นคีย์เวิร์ดที่แสดงว่าพวกเขาต้องการอะไร
คีย์เวิร์ดเหล่านี้เป็นคีย์เวิร์ดสำหรับคนพิเศษและพร้อมที่จะซื้อสินค้า
คีย์เวิร์ดของผู้ซื้อสามารถพิสูจน์ได้ว่าอะไรมาก่อนหรือมาหลังคีย์เวิร์ด
ยกตัวอย่าง keyword เช่น :
ซื้อทีวียี่ห้อ Samsung
ตัวแทนจำหน่ายทีวี Samsung
คูปองทีวี Samsung
ส่วนลดทีวี Samsung
ตัวชี้วัดเหล่านี้ทั้งหมดเป็นของคนที่พร้อมจะซื้อ
และก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจของคุณ...
จะต้องมีหน้าเว็บเพจแสดงสินค้าที่ถูกต้องในเว็บไซต์ของคุณที่แสดงให้เห็นได้ในทันที
#7. คีย์เวิร์ดที่ไม่มีผลมากนัก (Tyre Kicker Keyword)
เป็นคีย์เวิร์ดที่ใครบางคนจะไปทำให้คุณเสียเวลาและทรัพยากรส่วนต่างๆ มาก
คีย์เวิร์ดเหล่านี้ความจริงตรงกันข้ามกับคีย์เวิร์ดของผู้ซื้อ และสร้างขึ้นมาเพื่อให้ใครบางคนที่กำลังมองหาบางสิ่งที่ฟรีและทำการค้นหา เช่น
เรียนรู้การเล่นกีต้าร์ฟรี
ดาวน์โหลดบทเรียนกีต้าร์
หนังสือคอร์ดกีต้าร์ฟรี
โดยทั่วไปแล้วคีย์เวิร์ดเหล่านี้ให้หลีกเลี่ยง
แต่มันก็มีข้อยกเว้นถ้าคุณใช้พวกมันเป็นกลยุทธ์
ยกตัวอย่าง บทเรียน SEO ฟรีเป็นโพสต์ที่ผมเขียน มีการเห็นมากกว่า 1,000 ครั้งจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ และได้มีการสมัครอีเมล์ใหม่มากกว่า 1 พันครั้ง
แต่ทั้งหมดนี้ได้ถูกสำรองข้อมูลไว้ด้วยกลยุทธ์การจัดการอีเมล์ ที่สามารถที่จะนำกลับมาใช้ในภายหลังได้
คีย์เวิร์ดชนิดไหนที่คุณควรใช้?
นี่ไม่ใช้คีย์เวิร์ดชนิดเดียวที่ดีที่สุดที่คุณควรใช้
ในแต่ละธุรกิจ (หรือแต่ละงานเขียนบทความ) ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของ
และด้วยแต่ละจุดประสงค์การใช้คีย์เวิร์ดที่แตกต่างกัน
แต่ถ้าคุณควรเลือกใช้ชนิดของคีย์เวิร์ดมาหนึ่งชนิด คุณควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดแบบยาว Long Tail Keyword ที่มีข้อมูลและความต้องการซื้อของผุู้ค้นหาจริงๆ

คีย์เวิร์ดแบบยาว (Long Tail Keyword) จะตรงจุดสำคัญจริงๆ ทั้งในแง่ของ -
การแข่งขัน (ง่ายในการจัดอันดับเว็บไซต์)
ทราฟฟิก (มีคนเข้ามาชมหน้าเว็บเพจคุณจำนวนเท่าไหร่)
จุดประสงค์ (มีอะไรที่คุณต้องการให้ทำเมื่อมีคนเข้ามาอ่านหน้าเว็บเพจ)
Conversion อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า (ตั้งแต่เริ่มต้น)
และนั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมชอบใช้คีย์เวิร์ดเป็นคำยาวๆ (Long Tail Keyword)
คุณควรโฟกัสไปที่ทราฟฟิกหรือจุดประสงค์?
นี่เป็นกรณีที่มาจากทั้งทราฟฟิกและจุดประสงค์
มันเกิดมาจากธุรกิจของคุณ (หรือลูกค้าของคุณ) สร้างรายได้ได้อย่างไร
ถ้าคุณทำเงินจากการโฆษณาเหมือนกับ :
Pantip
Sanook
ดังนั้นทราฟฟิกจะมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคุณ เพราะถ้ามีคนเข้าชมเว็บไซต์คุณเป็นจำนวนมากก็หมายถึงรายได้ที่มากตามไปด้วย
แต่ถ้าคุณทำเงินจากการขายสินค้าและต้องการสร้างรายการอีิเมล์...
ดังนั้นก็ต้องเป็นจุดประสงค์ที่มีความสำคัญมากกว่าเพราะว่ามันจะดึงดูดใจลูกค้า 10 คน ที่มีโอกาสซื้อสินค้าจากคุณจริงๆ...
มากกว่า10,000 คนที่ได้คลิกออกจากเว็บไซต์คุณไป

ดังนั้นให้สำรวจดูว่าธุรกิจของคุณสร้างรายได้อย่างไร และจากนั้นให้คุณคิดดูว่ามันจะดีกว่าไหมถ้าคุณโฟกัสไปที่จุดประสงค์ (ความต้องการของผู้เข้าเว็บไซต์) หรือว่าจำนวนทราฟฟิก (ปริมาณการค้นหา)
ไม่เพียงแต่ทั้งสองปัจจัยดังกล่าวจะเหมือนกัน นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าทำไมผมถึงสร้างกลยุทธ์การทำ SEO สำหรับลูกค้าหรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ในจุดที่มีทราฟฟิกสูงและความต้องการสูงด้วย
สรุปบทความ
ในตอนนี้เราได้เรียนรู้ความแตกต่างชนิดของคีย์เวิร์ดเรียบร้อยแล้ว คุณควรรู้ -
คีย์เวิร์ด 7 ชนิดที่คุณสามารถใช้ได้
ข้อดีและข้อเสียของคึย์เวิร์ดแต่ละชนิด
มีกลยุทธ์การใช้ชนิดของคีย์เวิร์ดเหล่านี้อย่างไร
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคุณควรโฟกัสที่จุดประสงค์หรือที่จำนวนผู้เข้าชม
และถ้าคุณสามารถที่จะเลือกได้เพียงหนึ่งชนิดของคีย์เวิร์ด คุณควรจะเลือก
คุณควรโฟกัสไปที่คีย์เวิร์ดคำยาวๆ (Long tail Keyword) ที่มีข้อมูลและความต้องการซื้อจริงๆ
มันจะตรงจุดมากในการแข่งขัน,การหาทราฟฟิก,จุดประสงค์ของคุณ และการเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า ( Conversion )
โปรดจำไว้ว่า: มันจะเป็นการดีเมื่อมีทราฟฟิกน้อยแต่มีการซื้อ ดีกว่าที่มีทราฟฟิกจำนวนมากแต่ไม่ซื้อ
หรือคุณสามารถที่จะใช้ free speadsheet นี้เพื่อทำการดาวน์โหลดคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดของคู่แข่งมาใช้งาน
มันเป็นเครื่องมือที่ผมใช้ในทุกครั้งกับโปรเจกต์ใหม่ของผม
ดังนั้นเมื่อคุณทำการดาวน์โหลด Spreadsheet แล้วให้คุณไปอ่านบทความเกี่ยวกับ LSI Keywords ด้วย
บทความอื่นๆ ที่คุณอาจจะชอบ
- เพิ่มทราฟฟิกให้กับเว็บไซต์ด้วยขั้นตอนการทำ SEO อย่างรวดเร็วและได้ผล
- การเริ่มต้นสร้างบล็อกที่ถูกวิธีทีละขั้นตอน
- การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด: คืออะไร, ทำไม; อย่างไร.
- LSI Keywords: คำแนะนำในการค้นหาและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ